Pink Transparent Star

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ใบงานที่ 5 บทความสำหรับโครงงานคอมพิวเตอร์

ทำไมเราต้อง “หาว” ตามกัน❤️❤️
ที่มาภาพ : https://br.pinterest.com/pin/

       หาว (yawn) "หาวตามคนอื่น" เป็นคำถามที่ยังรอคำตอบว่าทำไม? มีหลายสมมุติฐานที่พยายามตอบเรื่องนี้ สมมุติฐานทางการแพทย์ก็จะต้องมีข้อมูลสนับสนุน มีการทดลอง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบบางภาวะได้ จึงไม่สามารถสรุปชัดเจนได้ว่า เราหาวกันทำไม และหาวตามคนอื่นทำไม??

        "การหาว" เป็นสิ่งที่เจอได้ในมนุษย์และสัตว์อีกหลายชนิด เช่นลิง สุนัข แมว หนู เสือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม การหาวไม่ใช่การอ้าปากเฉยๆ การหาวมีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อหลายมัดค่ะ เริ่มต้นจากปากอ้าขึ้น ขากรรไกรกว้างออก หายใจเข้า ถ้าหาวได้มากๆก็ตาปิด น้ำตาไหลได้ มีการตึงของเยื่อแก้วหู และหายใจออก ไม่ใช่อ้าปากเฉยๆ
การหาวเกิดขึ้นเมื่อไหร่บ้าง ?
การหาวเกิดขึ้นได้ในหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเวลาง่วงหรือเพิ่งตื่น  เมื่อรู้สึกเบื่อ เหนื่อย เครียด หรือการหาวตามกัน ไม่ว่าจะเห็นคนหาว คุยโทรศัพท์กับเพื่อนแล้วเพื่อนหาว เราก็หาวตามโดยที่เรายังไม่รู้สึกง่วง หรือเบื่อ เรียกว่า "contagious yawn"
มีการศึกษาพบว่าเราเริ่มหาวกันตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ มีการถ่ายภาพสแกน 4 มิติ พบว่าในเด็กทารกในครรภ์ อายุครรภ์ตั้งแต่ 20-24 สัปดาห์ (5 เดือน) ก็ “ทำท่าเหมือนหาว" มีการศึกษามุมของการอ้าปาก และระยะเวลาตั้งแต่อ้าปากจนหุบปาก สรุปจากงานวิจัยพบว่าทารกในครรภ์หาวโดยเฉลี่ยถึง 12 ครั้ง ภายใน1 ชั่วโมง

ขอบคุณคลิปจาก : https://www.youtube.com/watch?time_continue=6&v=XmJ9Q1aDEz4
ทำไมต้องหาว?

    มื่อก่อนนี้เราจะพูดถึงเรื่องการแลกเปลี่ยนก๊าซว่า การหาวเกิดขึ้นเมื่อมีการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายมากและต้องการจะได้รับก๊าซออกซิเจนมาเพิ่ม แต่ในการวิจัยปัจจุบันพบว่า"ในช่วงที่มีการหาวไม่ได้มีก๊าซออกซิเจนมากขึ้น และไม่ได้มีการขับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากขึ้นแต่อย่างใด" จึงเกิดข้อสมมุติฐานที่อาจเป็นไปได้สำหรับการหาว ดังนี้

1. การหาวอาจจะเกิดขึ้นเพื่อการยืดเส้นยืดสายของกล้ามเนื้อที่ลิ้นและลำคอ เนื่องจากเราใช้กล้ามเนื้อที่มากทั้งพูด รับประทานอาหาร และหายใจ เมื่อมีการหาวก็เหมือนได้มีการยืดคลายตัวของกล้ามเนื้อ บ้างก็ว่าทำให้มีการไหลเวียนของน้ำเหลืองที่ดีขึ้น
2. การกระสับกระส่าย เพราะมีบางการศึกษาพบว่า หลังจากการหาวจะช่วยให้
คนที่กระสับกระส่ายตื่นตัวขึ้น
3. มีการศึกษาในปีพ.ศ. 2550 ว่าการหาว อาจเกี่ยวข้องการควบคุมอุณหภูมิของสมอง โดยพบว่าสมองจะทำงานได้ดีในช่วงอุณหภูมิที่เป็นช่วงไม่กว้าง การหาวจะทำให้อุณหภูมิของสมองเย็นขึ้นซึ่งทำให้เหมาะสมกับการทำงานของสมองและพบว่าเมื่อเอา cold pack วางที่หน้าผากสักระยะผู้ถูกศึกษาจะไม่ค่อยหาว
4. และการหาวอาจเกิดมาจากการควบคุมของสารในสมองกลุ่มสารสื่อประสาท (neurotransmitter) และฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องหลายชนิด เช่น โดปามีน (Dopamine) กลูตาเมท (Glutamate) อะซีติลโคลีน (Acetylcholine) เอซีทีเอช (ACTH) และออกซีโตซินเปปไทด์ (Oxytocin peptide) ซึ่งจะส่งผลต่อสมองส่วนไฮโปธาลามัส (Hypothalamus) ผ่านไปที่สมองส่วน ฮิปโปแคมปัส (Hippo campus) พอนส์ (Pons) และเมดูลาออบลองกาตา (Medulla oblongata) และทำให้เกิดการหาวขึ้น
การหาวจากการควบคุมของสารในสมอง และฮอร์โมน
ทำไมเห็นคนหาวแล้วหาวตามกันได้ ?
คนสนิทกันยิ่งหาวตามกันได้มากกว่าคนแปลกหน้า?
  สาเหตุของการหาวตามกัน (contagious yawn) อาจจะเป็นพฤติกรรมทางสังคมของทั้งคนและสัตว์ เป็นเรื่องของการแสดงความเห็นอกเห็นใจ (เช่นเดียวกับคนที่ไม่รู้จักน้ำตาไหลเพราะอะไรก็ตาม เป็นจำนวนเยอะ สักครู่เราก็มีน้ำตาไหลตามได้ด้วย)

  ารที่คนหนึ่งหาวและอีกหลายๆคนหาวตามนั้น เชื่อว่าเป็นเรื่องของจิตวิทยาที่มีการเริ่ม ทำอะไรอย่างหนึ่ง และจะมีคนที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆทำตาม โดยเป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์ ดังจะเห็นได้จากละครตลกที่ดูในทีวี จะมีการใส่เสียงหัวเราะเข้าไปในละคร เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนดูเกิดการคล้อยตามว่าละครสนุกจริงๆ

มีการศึกษาในปีพ.ศ. 2550 (7 ปีที่แล้ว) พบว่าในกลุ่มเด็กออทิสติกซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการรวมกลุ่มจะไม่ค่อยหาว เมื่อให้ดูวิดิโอที่มีคนหาวกันเยอะๆซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเด็กโดยทั่วไป
         ในลิงชิมแพนซี และในสุนัข ก็มีการหาวตามกันแบบคนได้ และมีการศึกษาพบว่ามีการหาวตามกันในสัตว์ต่างชนิดกันได้ด้วย เช่นการศึกษาของมหาวิทยาลัยลอนดอน ในประเทศอังกฤษ พบว่ามีการส่งต่อการหาวจากคนไปสู่สุนัขได้ด้วย ไม่เฉพาะการหาวเท่านั้น
สุนัขดังกล่าวก็ต่างดูง่วงและหลับไปได้ในที่สุด ... 
    นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายเหตุผลของพฤติกรรมการหาวติดต่อกันนี้ว่า เกิดจากระดับความสามารถในการเข้าใจแบบหยั่งรู้ถึงความรู้สึกและอารมณ์ของผู้อื่น หรือที่เรียกว่า Empathy ส่งผลทำให้เกิดการแสดงออกร่วมกันกับผู้อื่นซึ่งผู้ที่มีระดับของ Empathy สูงจะมีโอกาสหาวตามเมื่อเห็นผู้อื่นหาวมากกว่าผู้ที่มีระดับ Empathy ต่ำ
ทำไมเวลาหาวมากๆจึงน้ำตาไหล?
     เพราะเวลาหาวมักมีการหลับตา หาวรุนแรงมักหลับตาปี๋ จะมีผลในการบีบต่อมน้ำตา(อยู่หนังตาบน) ปกติก็จะไหลออกทางรูระบายที่หัวตา (รูเล็กที่หัวตาที่หนังตาล่าง) เมื่อหาวแล้วหลับตาปี๋ รูก็จะเล็กลงชั่วขณะ น้ำตาก็ไม่สามารถระบายออกได้ ก็จะพบว่าหาวแล้วมีน้ำตาไหลเป็นเรื่องปกติ

ความเชื่อเกี่ยวกับการหาว ?
     ฝรั่งในสมัยโบราณเชื่อว่า การหาวทำให้วิญญาณออกจากร่าง ดังนั้นเวลาหาวจึงต้องเอามือปิดปากไว้ เพื่อไม่ให้วิญญาณหนีไปความเชื่อนี้มีที่มาจาก ในสมัยก่อนเด็กเกิดใหม่มักจะเสียชีวิตเพราะวิทยาการทางการแพทย์ยังไม่เจริญก้าวหน้า เมื่อสังเกตเห็นเด็กหาวทันทีที่เกิด จึงเข้าใจว่าการหาวทำให้เสียชีวิต
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หาวปิดปาก

ที่มาภาพ : https://health.mthai.com/howto/health-care/17015.html
      ในสมัยนั้นจึงมีคำแนะนำให้แม่นั่งเฝ้าลูกน้อยเป็นพิเศษในช่วงเดือนแรกๆ หลังคลอด เพื่อคอยปิดปากลูกเวลาหาว เพราะเด็กยังปิดปากตัวเองไม่ได้ ความเชื่อดังกล่าวจึงกลายมาเป็นมารยาทในการหาวจนถึงปัจจุบัน มารยาทอีกอย่างหนึ่งของการหาวที่อาจพบเห็นได้ ก็คือ การหันหน้าไปทางอื่น หรือแม้แต่การกล่าวคำขอโทษออกมาหลังจากหาว
ที่มาของเรื่องนี้ก็คือ เมื่อคนสมัยโบราณสังเกตเห็นว่าเมื่อคนหนึ่งหาว คนที่อยู่ใกล้ๆ ก็มักจะหาวตามกัน ดังนั้นหากการหาวเป็นอันตรายต่อผู้หาว อันตรายนี้ย่อมติดไปถึงผู้อื่นด้วย เวลาหาวจึงหันหน้าหนีเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็น ส่วนการขอโทษก็เป็นเสมือนการแสดงความเป็นมิตรกับยมทูตที่จะมาพรากวิญญาณไปนั่นเอง
หาวแบบผิดปกติ ?

การหาวเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย  ยกเว้นว่าจะมีปริมาณของการหาวมากผิดปกติ  เช่น  หาวเกิน 30 ครั้งต่อวัน  ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกาย  เนื่องจากอาจมีความผิดเกี่ยวกับระบบการนอนหลับหรือระบบหายใจ  และเพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกายเรา  ควรดูแลสุขภาพด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ  และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ  หลีกเลี่ยงความเครียดและอยู่การอยู่ในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก  ก็อาจทำให้อาการหาวลดลงบ้าง

ป้องกันการหาว ?

การป้องกันการหาวให้เต็มร้อยยังเป็นไปไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบกลไกการเกิดที่ชัดเจน แต่โดยทั่วไปที่พอป้องกันการหาวได้ คือ ต้องทำตัวให้สดชื่น ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนอับชื้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ และพักผ่อนให้เพียงพอ

การหาวไม่ได้เป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายแสดงออกเพื่อเตรียมพร้อมจะนอนหลับหรือต้องการพักผ่อน
แต่เป็นปฏิกิริยาที่แสดงออกว่าร่างกายพร้อมที่จะตื่นตัว
ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ และอาจไม่ได้สื่อถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง
แต่ถ้าเรามีอาการหาวมากๆ และติดต่อกัน ร่วมกับมีอาการง่วงนอนมากผิดปกติ เฉื่อยชาลง ก็ควรต้องพบแพทย์

ทำไมเราจึงหาวตามๆ กัน ??

ขอบคุณคลิปจาก : https://www.youtube.com/watch?v=ToRfJZ2fnLw




วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ใบงานที่ 4 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

https://www.youtube.com/watch?v=etxwU6RRMY4&t=1s
  à¸œà¸¥à¸à¸²à¸£à¸„้นหารูปภาพสำหรับ พรบคอมพิวเตอร์ 2560 สรุป
                        ที่มาภาพ : http://district.cdd.go.th/phuluang/2017/07/11/


                   พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์คืออะไร?? 🍪🍪
     พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็คือพระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ว่านี้ก็เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค สมาร์ตโฟน รวมถึงระบบต่างๆ ที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งเป็นพ.ร.บ.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกัน ควบคุมการกระทำผิดที่จะเกิดขึ้นได้จากการใช้คอมพิวเตอร์ หากใครกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นี้ ก็จะต้องได้รับการลงโทษตามที่พ.ร.บ.กำหนดไว้ค่ะ
                                   ที่มา : https://contentshifu.com/computer-law/


เรื่องที่ห้ามทำ ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

1. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ชอบ (มาตรา 5-8)
  หากเข้าไปเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้อนุญาต (ละเมิด Privacy) หรือในเคสที่เรารู้จักกันดีก็คือ การปล่อยไวรัส มัลแวร์เข้าคอมพิวเตอร์คนอื่น เพื่อเจาะข้อมูลบางอย่าง หรือพวกแฮคเกอร์ ที่เข้าไปขโมยข้อมูลของคนอื่นก็มีความผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ค่ะ
บทลงโทษ
เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน เดือน ปรับไม่เกิน หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน ปี ปรับไม่เกิน หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย: จำคุกไม่เกิน ปี ปรับไม่เกิน หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน ปี ปรับไม่เกิน หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย (มาตรา 9-10)
  ในข้อนี้จะรวมหมายถึงการทำให้ข้อมูลเสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือจะเป็นในกรณีที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อย่างเช่น กรณีของกลุ่มคนที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แล้วต่อต้านด้วยการเข้าไปขัดขวาง ทำร้ายระบบเว็บไซต์ของฝ่ายตรงข้าม ให้บุคคลอื่นๆ ใช้งานไม่ได้ ก็มีความผิดค่ะ
บทลงโทษ
  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ปี ปรับไม่เกิน แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. ส่งข้อมูลหรืออีเมลก่อกวนผู้อื่น หรือส่งอีเมลสแปม (มาตรา 11)
  ข้อนี้ก็เข้ากับประเด็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หรือนักการตลาดที่ส่งอีเมลขายของที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับ หรือที่รู้จักกันว่า อีเมลสแปม หรือแม้แต่การฝากร้านตาม Facebook กับ IG ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและยังรวมถึงคนที่ขโมย Database ลูกค้าจากคนอื่น แล้วส่งอีเมลขายของตัวเองค่ะ
บทลงโทษ
  ถ้าส่งโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา ปรับไม่เกิน แสนบาท และถ้าส่งโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธตอบรับได้โดยงาน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน ปี ปรับไม่เกิน หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
4. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ (มาตรา 12)
  โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือความมั่นคงต่อประเทศ หรือโพสต์ที่เป็นการก่อกวน หรือการก่อการร้ายขึ้น ก็มีความผิดค่ะ เพราะมาตรา 12 ได้บอกไว้ว่าการเข้าถึงระบบหรือข้อมูลทางด้านความมั่งคงโดยมิชอบ หรือการโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ที่เข่าข่ายข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือทำให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก และล่วงรู้ถึงมาตรการการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย
บทลงโทษ
กรณีไม่เกิดความเสียหาย: จำคุก 1-7 ปี และปรับ หมื่น – 1.4 แสนบาท
กรณีเกิดความเสียหาย: จำคุก 1-10 ปี และปรับ หมื่น – 2 แสนบาท
กรณีเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: จำคุก 5-20 ปี และปรับ แสน – 4 แสนบาท

5. จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
- กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 5-11 (หรือข้อ 1-3 ในบทความนี้) 
บทลงโทษ
  ต้องจำคุกไม่เกิน ปี ปรับไม่เกิน หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
- กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ มาตรา 12 
บทลงโทษ
  ต้องจำคุกไม่เกิน ปี ปรับไม่เกิน หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย

6. นำข้อมูลที่ผิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 14)
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
      ในความผิดมาตรา 14 จะระบุโทษการนำข้อมูลที่เปิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น ข้อความผิดด้วยกันคือ
- โพสต์ข้อมูลปลอม ทุจริต หลอกลวง (อย่างเช่น ข่าวปลอม โฆษณาธุรกิจลูกโซ่ที่หลอกลวงเอาเงินลูกค้า และไม่มีการส่งมอบของให้จริงๆ เป็นต้น)
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงปลอดภัย
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ก่อการร้าย
- โพสต์ข้อมูลลามก ที่ประชาชนเข้าถึงได้
- เผยแพร่ ส่งต่อข้อมูล ที่รู้แล้วว่าผิด (อย่างเช่น กด Share ข้อมูลที่มีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็มีความผิดค่ะ )
บทลงโทษ
หากเป็นการกระทำที่ส่งผลถึงประชาชน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน ปี ปรับไม่เกิน แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นกรณีที่เป็นการกระทำที่ส่งผลต่อบุคลใดบุคคลหนึ่ง ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน ปี ปรับไม่เกิน แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (แต่ในกรณีอย่างหลังนี้สามารถยอมความกันได้)

7. ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจกับผู้ร่วมกระทำความผิด (มาตรา 15)
  กรณีนี้ถ้าเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็เช่น เพจต่างๆ ที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น แล้วมีความคิดเห็นที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายก็มีความผิดค่ะ แต่ถ้าหากแอดมินเพจตรวจสอบแล้วพบเจอ และลบออก จะถือว่าเป็นผู้ที่พ้นความผิด
บทลงโทษ
  ถ้าไม่ยอมลบออกต้องได้รับโทษ ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตร 14 ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกันผู้โพสต์ หรือแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ แต่ถ้าผู้ดูแลระบบพิสูจน์ได้ว่า ตนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการแจ้งเตือนแล้วไม่ต้องรับโทษ

8. ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ (มาตรา 16)
ความผิดข้อนี้ แบ่งออกเป็น ประเด็นหลักคือ
• การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อย่างเช่นกรณีที่เอาภาพดาราไปตัดต่อ และตกแต่งเรื่องขึ้นมา จนทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย ก็ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ค่ะ
• การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
บทลงโทษ
หากทำผิดตามนี้ ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน ปี และปรับไม่เกิน แสนบาท
                                      ที่มา : https://contentshifu.com/computer-law/
      

รู้จักพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 from sirinadaphonboon 
                 ที่มา :https://www.slideshare.net/sirinadaphonboon/2560-78398536



พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับปรับปรุงแก้ไข พ.ศ. 2560  🌺🌺



                         ขอบคุณคลิปจาก : https://www.youtube.com/watch?v=Ie0YHG2rjMQ


ความแตกต่างของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550 และ 2560🐍🐍

                 ขอบคุณคลิปจาก :https://www.youtube.com/watch?v=etxwU6RRMY4&t=1s



บก.ปอท.คือหน่วยงานอะไร??

     หน่วยงานที่คอยควบคุมดูแลก็คือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เป็นหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายโดยมุ่งเน้นการอำนวยความยุติธรรม ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและบริการประชาชน อย่างมีมาตรฐานสากล เพื่อทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย มั่นคง แก่สังคมและประเทศชาติ โดยหน่วยงานนี้จะมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับการรักษาความสงบ เรียบร้อย ป้องกันและ ปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเฉพาะ รวมทั้งการสืบสวนสอบสวนปฏิบัติงานตามประมวงกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา และตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ

ภารกิจ ของ บก. ปอท.🌙🌙🌙

  1. ถวายความปลอดภัย สำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์
  2. ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
  3. อำนวยความยุติธรรมโดยยึดหลักนิติธรรม
  4. รักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ
  5. สนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ตลอดจนประสานงานความร่วมมือระหว่างภายในประเทศและต่างประเทศ
  6. รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนตลอดจนให้คำปรึกษาแนะนำ ตรวจสอบปัญหา เพื่อที่จะได้นำแนวทางไปใช้ในการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
                              ที่มา : http://www.wikibuster.org/




10 พฤติกรรมเสี่ยงคุก พรบ.คอมพิวเตอร์ โดย ปอท. โพสต์ต้องคิด คลิกเสี่ยงคุก

                  ขอบคุณคลิปจาก : https://www.youtube.com/watch?v=Q5ADlR7srvo



LGBT ความหลากหลายทางเพศ

เมื่อพูดถึงเพศทางเลือกแล้ว ในต่างประเทศจะมีตัวอักษรย่อของกลุ่มเพศทางเลือกว่า  LGBT  ซึ่ง  LGBT  คืออะไรบ้าง วันนี้เราจะมาอธิบายคร่าวๆ เพื่อเ...